....“จุฬาลงกรณ์” ประตูสายน้ำ สู่สายชีวิต ประชากรทุ่งหลวงรังสิตจากอดีตสู่ปัจจุบัน...
กำเนิดคลองรังสิตประยูรศักดิ์ กำเนิดทำนบน้ำ ในพระบรมนามาภิธัยว่า “ประตูจุฬาลงกรณ์” รังสิต เป็นทุ่งหลวงกว้างใหญ่ไพศาล เริ่มตั้งแต่คลองเปรมประชากรขึ้นไปทางทิศตะวันออกจรดนครนายก สภาพเป็นป่าละเมาะ ป่าโปร่ง ทุ่งหญ้า และป่าปรือ เป็นป่ารกชัฏ ประกอบด้วยหนองน้ำ ลำบึง กุ้งปลา ป่าอุดมสมบูรณ์ ทุ่งนี้เขาเรียกกันมาแต่โบราณว่า “ทุ่งหลวง” เป็นเขตที่ขึ้นอยู่กับพระมหานคร ไม่มีแม่น้ำลำคลอง ไม่เหมาะในการทำการเกษตร เพราะขาดน้ำ ราษฎรมีความเป็นอยู่แร้นแค้นเกิดโจรผู้ร้ายชุกชุม การปราบปรามก็ไม่ได้ผล เนื่องจากการคมนาคมสัญจรไม่สะดวก ด้วยพระปรีชาสามารถมองการณ์ไกล อีกทั้งทรงมีปณิธานอันแน่วแน่ของพระพุทธเจ้าหลวง รัชการที่ 5 ที่จะบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ประชาราษฎร์ และทรงพระราชดำริที่จะพัฒนาทุ่งหลวงให้เกิดประโยชน์แก่ราษฎรในการทำมาหากิน จึงทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้บริษัทขุดคลองแลคูนาสยาม ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อ พุทธศักราช 2431 โดยมีพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ พระนานาพิธภาษี (ชื่น บุญนาค) หลวงสาธร ราชายุตก์ (เจ้าสัวยม พิศลยบุตร) นายโยคิม แกรซีร่วม (Jochim Qrassi) หุ้นดำเนินการขุดคลองในสมัยนั้น ต่อมาในปี พุทธศักราช 2435 ได้มีการเปลี่ยนแปลงหุ้นส่วนอีกครั้งหนึ่งโดยมีนายเออรวิน มูลเลอร์ (Erwin Muller) หรือพระปฏิบัติราชประสงค์ นายฮันส์ เมทสเลอร์ (Han Metzler) และม.ร.ว. สุวพรรณธ์ สนิทวงศ์ บุตรคนโตในพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์เข้ามาแทนหุ้นส่วนเดิม 3 คน คือ เข้ามาแทนพระนานาพิธภาษี นายโยคิม แกรซี่ และเจ้าสัวยม
ในระยะเริ่มต้นของการก่อตั้งบริษัท พระวรวงค์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ทรงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญ ทั้งการดำเนินงานเพื่อขอพระบรมราชานุญาต ขุดคลองจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงเป็นผู้ที่เข้าไปบุกเบิกขุดคลองด้วยพระองค์เอง การขอพระบรมราชานุญาตขุดคลองตาม โครงการรังสิต ปรากฏความตามคำกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าเกิดขึ้นเนื่องจากการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระราชดำรัสกับพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ มาตั้งแต่ก่อนว่า “ในพระราชอาณาเขตสยามแห่งนี้ คลองเป็นสิ่งสำคัญ ในปีหนึ่งควรให้มีคลองขึ้นสักสายหนึ่งจะทำให้บ้านเมืองเจริญ ถึงจะออกพระราชทรัพย์ปีละพันชั่ง หรือสองพันชั่ง ก็ไม่ทรงเสียดาย” และเมื่อครั้งมณฑลปักษ์ใต้ก่อเรื่องวุ่นวายทางการเมือง เนื่องจากตำแหน่ง “ราชบุตร” ว่างลง จึงเกิดการช่วงชิงตำแหน่งกันกลายเป็นสงครามกลางเมือง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า อยู่หัว รัชการที่ 5 จึงโปรดเกล้าฯ ให้ พระวรวงศ์เธอพระองค์ เจ้าสายสนิท-วงศ์ มีอำนาจเต็มรีบไประงับเหตุ มณฑลปักษ์ใต้ ในครั้งนั้น ครั้นถึงมณฑลปักษ์ใต้ก็ทรงชำระสะสางข้อราชการงานเมืองอยู่หลายเดือนจนสงบเรียบร้อย เมื่อเสด็จกลับกรุงเทพ เรือกลไฟที่ประทับได้แล่นเลยกรุงเทพขึ้นมาในแม่น้ำ และลำคลองใกล้ๆ ทุ่งรังสิตในปัจจุบันนี้ แล้วรับสั่งให้หยุดพักแรมพร้อมกับให้ตั้งแค้มป์ลงบนที่นาแห่งหนึ่ง นัยว่าจะเป็นบริเวณคลองเปรมประชากรใกล้ ๆ กับสถานีรถไฟรังสิต (วัดรังสิตในปัจจุบัน) เพื่อทำการสำรวจที่จะขุดคลองใหม่ ซึ่ง “บริษัทแลคูนาสยาม” เป็นผู้ประมูลได้กระทั้งสำรวจรังวัดเสร็จสิ้น ก็ถือพระฤกษ์ขุดดิน พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ได้ทรงจรดพลั่วลงในดินเป็นปฐมฤกษ์ พระองค์แรก แล้วต่อๆ มาเป็นเชื้อพระวงศ์ บรรดาขุนนางผู้ใหญ่ และรวมไปถึงคนงานขุดกันต่อๆ ไป การขุดคลองใหญ่คลองนี้ใช้เวลาหลายปีจึงแล้วเสร็จ น้ำในคลองนี้ใสสะอาด และเงียบสงบ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อคลองนี้ตามพระนามพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ ผู้ทรงกระทำพิธีขุดดินเป็นปฐมพระองค์แรกนามว่า “คลองรังสิตประยูรศักดิ์” แต่พระนามนี้ยาวเกินไป ชาวบ้านไม่นิยมเรียก แต่กลับเรียกสั้นๆว่า “คลองรังสิต” มาจนทุกวันนี้
ในส่วนของคลองรังสิตประยูรศักดิ์ เมื่อขุดจวนจะทะลุตอนออกลำแม่น้ำเมืองนครนายก บริษัทได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตสร้างทำนบเป็นประตูน้ำขึ้น 2 ตำบล คือ ตำบลใกล้คลองเปรมประชากร ทางออกแม่น้ำเจ้าพระยาแห่ง 1 ตำบลใกล้คลองศีรษะกระบือทางออกแม่น้ำเมือนครนายกแห่ง 1 ครั้นทำนบประตูทั้ง 2 แห่ง สำเร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำพิธีเปิด ลำคลองนี้ เป็นทางการเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2439 (รัตนโกสิทร์ศก 115) และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลละอองธุลีพระบาทโดยรถไฟพิเศษ โดยมีการชุมนุมพร้อมด้วยผู้แทนรัฐบาลแลกงสุลต่างประเทศ กับทั้งพวกพ่อค้านายห้างเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทที่ชุมนุมนั้น ครั้นได้เวลาพระฤกษ์เสด็จพระราชดำเนิน จึงทรงเปิดแพรที่กั้นประตูน้ำเปิดทำนบเป็นพระฤกษ์ และทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกนามประตูน้ำ ในพระบรมนามาภิธัยว่า “ประตูจุฬาลงกรณ์” เมื่อเสร็จการที่โปรดเกล้าฯ ให้เปิดทำนบประตูน้ำแล้ว จึงเสด็จประทับในเรือพระที่นั่งกลไฟ ใช้การมาโดยทางคลองเปรมประชากร ทรงเปิดเครื่องจักรที่ขุดคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ในส่วนซึ่งจะไปทะลุออกลำแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลบ้านใหม่เหนือวัดเทียนถวาย ครั้นเมื่อเปิดเครื่องจักรขุดคลองแล้ว จึงได้เสด็จประพาสในลำคลองรังสิตประยูรศักดิ์ เจ้าของนาแลทั้งราษฎร ซึ่งตั้งบ้านเรือนทำนาใน 2 ฝั่งคลอง ได้ตั้งเครื่องบูชาตกแต่งสถานที่รับเสด็จตลอดลำคลอง เมื่อเรือพระที่นั่งถึงคลองซอยที่ 12 แล้ว เจ้าพนักงานรอเรือพระที่นั่งประทับ ทรงเปิดแพรคลุมป้ายแผ่นศิลาอนุสาวรี ที่ระลึกครั้งเสด็จประพาสต่อไป จนถึงตำบลซึ่งคลองรังสิตประยูรศักดิ์จะทะลุออกลำแม่น้ำเมืองนครนายก ซึ่งตั้งเครื่องจักรกำลังทำการขุดคลองอยู่นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นประทับบนรถเครื่องจักร เจ้าพนักงานได้ใช้จักรขุดคลองทะลุไปในทันใดนั้นแล้ว จึงได้เสด็จกลับมาประทับพลับพลาทำนบประตูน้ำที่ใกล้กับคลองศีรษะกระบือ ซึ่งข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลปราจีน พร้อมด้วยบริษัทจัดรับเสด็จ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนารถ ทรงเปิดแพรที่กั้นประตูน้ำเป็นพระฤกษ์แล้ว พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้เรียกนามประตูน้ำในพระนามาภิธัย ของสมเด็จพระนางเจ้าพระองค์นั้นว่า “ประตูน้ำเสาวภาผ่องศรี” และได้เสด็จประทับพักแรมอยู่ที่ตำบลนั้นราตรี 1 ข้าหลวงเทศาภิบาลแลผู้ว่าราชการเมืองพร้อมด้วยบริษัทจัดการรับเสด็จ มีการมหกรรมต่างๆ ในการฉลอง ทั้งราษฎรแข่งเรือถวายด้วย ครั้นรุ่งขึ้นวันที่ 19 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2439 (รัตนโกสินทร์ศก 115) เสด็จพระราชดำเนินกลับโดยลำคลองตามทางเดิม ถึงสเตชั่นรถไฟคลองรังสิตประยูรศักดิ์ เสด็จขึ้นประทับรถไฟพิเศษ ไประทับแรมพระราชวังบางปะอิน
ตั้งแต่สร้างทำนบประตูน้ำสำเร็จแล้ว น้ำในลำคลองใหญ่ คลองแยก และคลองซอยทั้งหลายก็บริบูรณ์เสมอ ถึงเวลาทำนาราษฎรได้อาศัยน้ำพอต้องการ ทำนาได้ผลทวียิ่งกว่าตำบลอื่นๆ แลตั้งเรือค้าขายใหญ่เล็กก็ไปมาได้สะดวก ดังข้อความตอนหนึ่งที่บริษัทขุดคลองแลคูนาสยามได้กราบบังคมทูล ความว่า “...บัดนี้ คลองขนาดกวาง 8 วา (16 เมตร) ที่เป็นลำต้นก่อเกิดแห่งคลองต่างๆ อันจะมีสาขาแยกต่อไป ซึ่งขุดตั้งแต่คลองเปรมประชากรออกลำน้ำนครนายก ตำบลบางปะกดศีรษะกระบือริมศาลเจ้าองครักษ์ ที่พระราชทานนามว่า “คลองรังสิตประยูรศักดิ์” นั้นแล้ว สำเร็จบริบูรณ์ ดังบรมราชประสงค์ คิดระยะทางตั้งแต่คลองเปรมประชากรถึงลำน้ำนครนายก ตำบลบางปะกดศีรษะกระบือ ตอนหนึ่งทาง 1,137 เส้น 11 วา (45,502 กิโลเมตร) ...บริษัทได้จัดทำประตูปิด เปิดได้ทั้งทางตะวันตก และตะวันออก สำหรับจะได้กั้นกำบังน้ำไว้ให้ราษฎรอาศัยใช้เรือและทำการเพาะปลูกได้บริบูรณ์ตลอดปี เป็นเครื่องที่ทำให้เกิดและรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดินและ มหาชนทั่วไปยิ่งใหญ่กว่าพาหนะอื่น ประตูนั้นสำเร็จบริบูรณ์แล้ว และที่นาตามสองฝั่งคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ที่สำเร็จบริบูรณ์แล้วนี้...” กำเนิดคลอง รังสิตประยูรศักดิ์ คลองสายน้ำที่มาของ ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ประตูปิด เปิดสายน้ำ สู่สายชีวิต ประชากรทุ่งหลวงรังสิตจากอดีตสู่ปัจจุบัน
ในการประชุมคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยการชลประทานและการระบายน้ำ (ICID) ภาคพื้นยุโรป ครั้งที่ 26 และการประชุมมนตรีฝ่ายบริการระหว่างประเทศ ครั้งที่ 66 ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองมงต์เปลิเย่ร์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการจัดกิจกรรมประกวดอาคารชลประทาน หรือ Heritage Irrigation Structures (HIS) เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางชลประทาน ปรากฏว่าประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์และคลองรังสิต ซึ่งเป็น 1 ใน 3 อาคาร ชลประทานที่ไทยส่งเข้าประกวดได้รับคัดเลือกให้เป็นมรดกทางชลประทาน ทั้งนี้เนื่องจากมีจุดเด่นที่เป็นโครงการอายุมากกว่า 100 ปี ที่ยังมีการใช้ประโยชน์มาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นการพัฒนาพื้นที่ชลประทานขนาดใหญ่แห่งแรกของประเทศไทย จากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พร้อมสร้างประตูน้ำจุฬาลงกรณ์เพื่อควบคุมและจัดเก็บน้ำคลองรังสิต มีชื่อเต็มว่า คลองรังสิตประยูรศักดิ์ เป็นคลองสายหลักในโครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่แห่งแรกของประเทศไทยและยังถือเป็นโครงการคลองชลประทานเพื่อการเกษตรแห่งแรกของประเทศไทยอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณทุ่งรังสิต ซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่ครอบคลุม 5 จังหวัดคือ จังหวัดปทุมธานี นครนายก กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี ให้เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าว รองรับการขยายตัวของการส่งออกข้าว จนทำให้ข้าวกลายเป็นสินค้าเกษตรส่งออกอันดับหนึ่งของไทยในขณะนั้น
ในปัจจุบันคลองรังสิต นอกจากจะเป็นคลองสายหลัก ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนรังสิตและพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งทางด้านเกษตร การคมนาคม และการอุปโภคบริโภคแล้ว ยังใช้เป็นแหล่งน้ำเพื่ออุตสาหกรรม รวมทั้งใช้เป็นคลองส่งน้ำ และคลองระบายน้ำอีกด้วย
นอกจากนี้ในส่วนของประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ได้ทำหน้าที่ในการควบคุมและจัดการน้ำไม่ให้เข้าเข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน เมื่อครั้งเกิดอุทกภัยในปี 2554 และต่อมาได้มีการปรับปรุงครั้งใหญ่ เมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทั้งการก่อสร้างสถานีสูบน้ำเพิ่มเติม และการปรับปรุงประสิทธิภาพสถานีสูบน้ำเดิม ที่มีอยู่ ทำให้ในปัจจุบันสามารถระบายน้ำได้ถึง 144 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือคิดเป็นปริมาณน้ำ 12.45 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
เอกสารอ้างอิง
เมืองธัญญบุรี 111 ปี. 2556. บริษัท อัลลิมิต พริ้นติ้ง จำกัด.
ทองคำ พันนัทธี. ธัญบุรีในอดีต : สารคดี.
โครงการวิจัยนำร่องร้อยปีคลองรังสิต พ.ศ.2545. เอกสารอัดสำเนา.
สุนทรี อาสะไวย์. 2530. ประวัติคลองรังสิต : การพัฒนาที่ดินและผลกระทบต่อสังคม พ.ศ. 2431-2457. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สถานบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2537. ร้อยปีคลองรังสิต โครงการวิจัยนำร่องเฉลิมฉลองวโรกาสกาญจนาภิเษก สถานบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
© Copyright 2012 งานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว เทศบาลนครรังสิต. All Rights Reserved.